20 รับ 100 รับ ได้ ทุก วัน
ทั้งนี้ จากนโยบายใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ลดเพดานอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สินเชื่อ P-loan เหลือ 25% (จากเดิมที่ 28%) และสินเชื่อบัตรเครดิตเหลือ 16% (จากเดิม 18%) KTC คาดว่าจะทำให้อัตราผลตอบแทนสินเชื่อ และ มาร์จิ้นของบริษัทลดลง 2.25% ในครึ่งปีหลัง (หรือประมาณ -1% ในปี 63) และจะส่งผลกระทบเต็มปีในปี 64 โดยบริษัทคาดว่า NIM จะลดลงมากกว่าที่ประเมินเอาไว้ก่อนหน้านี้เพราะ yield สินเชื่อของ KTC มักจะต่ำกว่าเพดานอัตราดอกเบี้ย ซึ่ง NIM ที่ลดลงทุก ๆ 1% จะทำให้รายได้ลดลงประมาณ 800 ล้านบาท และกำไรสุทธิลดลงประมาณ 12%
นอกจากนี้ยังคงต้องจับตาในวันที่ 14 ก.ย. มีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 6/2559 คาดว่าน่าจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิมเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ส่วนธนาคารแห่งประเทศไทยคาดว่าจะมีการปรับประมาณการตัวเลข GDP ใหม่หลัง GDP ไตรมาส 2/2559 ที่ 3.5% ดีกว่าคาด ส่วนวันที่ 15 ก.ย. กำหนดประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) โพลล์คาดคงอัตราดอกเบี้ย วันที่ 20 21 ก.ย. กำหนดประชุมธนาคารกลางสหรัฐ และในวันที่ 26- 28 ก.ย. กลุ่มโอเปกเตรียมจัดการประชุมอย่างไม่เป็นทางการเพื่อหารือวิธีสร้างเสถียรภาพในตลาดน้ำมัน
ทั้งนี้ จากนโยบายใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ลดเพดานอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สินเชื่อ P-loan เหลือ 25% (จากเดิมที่ 28%) และสินเชื่อบัตรเครดิตเหลือ 16% (จากเดิม 18%) KTC คาดว่าจะทำให้อัตราผลตอบแทนสินเชื่อ และ มาร์จิ้นของบริษัทลดลง 2.25% ในครึ่งปีหลัง (หรือประมาณ -1% ในปี 63) และจะส่งผลกระทบเต็มปีในปี 64 โดยบริษัทคาดว่า NIM จะลดลงมากกว่าที่ประเมินเอาไว้ก่อนหน้านี้เพราะ yield สินเชื่อของ KTC มักจะต่ำกว่าเพดานอัตราดอกเบี้ย ซึ่ง NIM ที่ลดลงทุก ๆ 1% จะทำให้รายได้ลดลงประมาณ 800 ล้านบาท และกำไรสุทธิลดลงประมาณ 12%
โดยราคาหุ้น FVC ปรับตัวขึ้นแรงอย่างมีนัยสำคัญ ภายหลังจากที่บริษัทประกาศว่าคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการลงนามของบริษัท ไฮ เฮลธ์แคร์ เซ็นเตอร์ จำกัด (HHC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ซื้อสิทธิ์แฟรนไชส์ 25 สาขา จากทั้งหมด 113 สาขาของบริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก อินเตอร์ กรุ๊ป จำกัด (WCIG) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยโดยทางอ้อมในสัดส่วนการถือหุ้น 100% โดยบริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก อินเตอร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด (WCIH) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยถือหุ้นในสัดส่วน 50% โดยบริษัท อีฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน) หรือ EFORL ในวงเงินไม่เกิน 50 ล้านบาท
ทั้งนี้ จากนโยบายใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ลดเพดานอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สินเชื่อ P-loan เหลือ 25% (จากเดิมที่ 28%) และสินเชื่อบัตรเครดิตเหลือ 16% (จากเดิม 18%) KTC คาดว่าจะทำให้อัตราผลตอบแทนสินเชื่อ และ มาร์จิ้นของบริษัทลดลง 2.25% ในครึ่งปีหลัง (หรือประมาณ -1% ในปี 63) และจะส่งผลกระทบเต็มปีในปี 64 โดยบริษัทคาดว่า NIM จะลดลงมากกว่าที่ประเมินเอาไว้ก่อนหน้านี้เพราะ yield สินเชื่อของ KTC มักจะต่ำกว่าเพดานอัตราดอกเบี้ย ซึ่ง NIM ที่ลดลงทุก ๆ 1% จะทำให้รายได้ลดลงประมาณ 800 ล้านบาท และกำไรสุทธิลดลงประมาณ 12%
20 รับ 100 รับ ได้ ทุก วัน โปร เสริม dtac 1 วัน
gJqC4rwdHF